เลือกใช้ Air Dryer อย่างไรให้เหมาะสมกับลักษณะงาน

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า Air Dryer เป็นเครื่องทำลมแห้ง โดยลมที่ถูกส่งผ่านเข้ามาใน Air Dryer นั้นจะถูกดูดเอาความชื้นที่ปนมากับลมออกไป โดยจะอาศัยการแลกเปลี่ยนความเย็น หรือ เม็ดสารในการดูดความชื้น ซึ่งการเลือกใช้ Air Dryer ควรที่จะดูลักษณะของลมที่นำไปใช้อีกทีว่า ซีเรียสเรื่องความชื้นมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้า Air Dryer ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ อาจส่งผลเสียในกระบวนการผลิตได้

เรามาดูก่อนว่า Air Dryer ประเภท?

Air Dryer นั้นเราสามารถแบ่งออกมา มาเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. Refrigerated Air Dryer

Air Dryer ประเภทนี้จะใช้น้ำยาแอร์เป็นตัวกลางในการดูดความชื้นออกจากลมโดยใช้หลักการในการแลกเปลี่ยนความร้อนและความเย็น ซึ่ง Air Dryer ชนิดนี้ภายในจะแบ่งเป็น 2 Loopคือ Loop น้ำยา และ Loop ลม โดยที่ 2 Loop นี้จะไม่เชื่อมต่อกัน แต่จะเดินขนานกันเพื่อแลกเปลี่ยนและดูดความชื้นออกจากลม Air Dryer ประเภทนี้จะสามารถทำ Dewpoint ได้ต่ำสุดอยู่ที่ 3 องศาเซลเซียส

Refrigerated Air Dryer เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน

Refrigerated Air Dryer เหมาะกับงานหรือประเภทงานที่ไม่ซีเรียสเรื่องความชื้นมากแต่ต้องการให้ความชื้นน้อยที่สุดซึ่งงานที่เหมาะสมกับ Air Dryer ชนิดนี้ คือ พวกอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ลม, การทำความสะอาดชิ้นส่วนต่างๆ, ฯลฯ

2. Desiccant Air Dryer

Air Dryer ประเภทนี้จะใช้เม็ดสารในการดูดความชื้นออกจากลม โดย Desiccant Air Dryer จะมีถังที่ไว้สำหรับบรรจุเม็ดสาร 2 ถัง จะทำงานสลับกัน Air Dryer จะใช้หลักการในการดูดความชื้นผ่านถัง 2 ถังสลับการทำงานกัน ภายในถังจะมีเม็ดสารสำหรับดูดความชื้น ในขณะเดียวกันก็จะมี By Pass ลมแห้งที่ผ่านการดูดความชื้นโดยเม็ดสารไปแล้วบ้างบางส่วนมาไล่ความชื้นออกจากเม็ดสารในถังที่อยู่ในสภาวะอิ่มตัวจากการดูดความชื้นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งในกระบวนการนี้ อาจทำให้เกิดการสูญเสียลมบางส่วนจากการไล่ความชื้นประมาณ 20 % Air Dryer จะสามารถ ทำ Dewpoint ได้ต่ำสุดอยู่ที่ -40 องศาเซลเซียส

Desiccant Air Dryer เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน

Desiccant Air Dryer เหมาะกับงานที่ต้องการลมที่มีความแห้งสูงมาก เพราะถ้าเกิดมีความชื้นภายในลมแล้วอาจสร้างความเสียหายให้กับกระบวนการผลิตได้ ประเภทงานที่เหมาะสมกับ Air Dryer ชนิดนี้ได้แก่ งานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิคส์, งานเกี่ยวกับอาหารและยา, งานเกี่ยวกับการผลิตสารเคมี ฯลฯ